แซร์จิโอ รามอสกองหลังของเรอัล มาดริดปล่อยแถลงการณ์ยืนยันว่าเขาไม่เคยปฏิเสธการตรวจสารกระตุ้นหรือโด๊ปเลย และชี้ว่าคำโกหกเหล่านั้นออกมาเพื่อทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหาย

รายงานจาก Der Spiegel ระบุว่ารามอสไม่ได้แจ้งเรื่องการใช้ยา"เดกซาเมธาโซน"ให้ทราบก่อนเกมแชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงปี 2017 ในคาร์ดิฟฟ์ ซึ่งมาดริดเอาชนะยูเวนตุสไป 4-1

"ราชันชุดขาว"ปฏิเสธเรื่องดังกล่าวในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา และตัวรามอสให้สัมภาษณ์หลังเกมพ่ายเออิบาร์ 3-0 ย้ำอีกทีว่าเขาไม่เคยทำผิดกฏและที่เกิดข่าวแบบนี้เพราะมีคนอยากทำให้ชื่อเสียงเขามัวหมอง

"ผมใจเย็น ก็จริงที่ว่ามันน่าเจ็บปวด และผมกับทีมกฏหมายของผมจะออกมาตอบโต้คนเหล่านั้นที่พยายามทำให้สถานะและเส้นทางการค้าแข้งผมต้องด่างพร้อย"รามอสให้สัมภาษณ์

"15 ปีที่ผ่านมาผมไม่เคยปฏิเสธการตรวจสารกระตุ้นเลย ผมไม่เคยทำผิดกระบวนการใดๆและผมผ่านการตรวจมา 250-300 ครั้ง ด้วยเหตุนี้ผมจึงใจเย็น"

"เมื่อคุณรู้ความจริงอยู่แล้ว คุณก็ทำตัวเองให้สงบได้ คุณพูดโป้ปดสักกี่ครั้งก็ได้แต่มันก็ยังเป็นเรื่องโกหกอยู่ดี"

แล้วหลังจากนั้นรามอสก็ปล่อยแถลงการณ์ผ่านโซเชียลมีเดียของตัวเอง เพื่อยืนยันว่าเขาไม่เคยเกี่ยวข้องกับการโด๊ปในรูปแบบไหนเลย

แถลงการณ์ระบุว่า "จากข้อมูลเกี่ยวกับตัวผมที่เผยแพร่ออกมาตามสื่อหลายๆเจ้า ผมอยากไขความกระจ่างตามนี้ ผมต่อต้านการใช้สารกระตุ้นอย่างหนัก

"ผมไม่เคยใช้, หรือจะใช้, ไม่เคยยินยอมหรือจะยินยอมต่อการใช้สารกระตุ้นในทุกรูปแบบ"

"สำหรับสองกรณีที่ถูกเอ่ยถึงนั้นอธิบายได้ตามนี้"

"มาลาก้า, เมษายน 2018, เมื่อเกมจบลงแล้วผมถูกขอให้เข้ารับการตรวจสารกระตุ้นให้เสร็จสิ้น ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดต่อการเดินทางกลับของทีม, เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ผมอาบน้ำโดยที่ยังอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา ก่อนจะตรวจให้เสร็จสิ้นซึ่งผมผ่านการตรวจเหมือนทุกครั้ง"

"คาร์ดิฟฟ์, มิถุนายน 2017, ผมได้รับการรักษาตามมาตรฐานการแพทย์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของสโมสร ประเด็นดังกล่าวได้รับการเคลียร์ให้กระจ่างอย่างเป็นทางการในรูปแบบข้อความตอบโต้ระหว่างองค์กร"

"ตลอดเส้นทางการค้าแข้งของผม ผมเข้ารับการตรวจสารกระตุ้นและผ่านมาอย่างน่าพอใจในจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งสองกรณีหรือในครั้งอื่นๆผมไม่เคยทำผิดกฏการใช้สารกระตุ้นเหมือนอย่างที่ยูฟ่า, WADA และเรอัล มาดริดกล่าวไปแล้ว"

"ผมเองก็ต้องปกป้องเกียรติด้วยการคำนึงถึงข้อมูล ทีมกฏหมายของผมจะพิจารณาดำเนินการในเคสที่มีการบิดเบือนความจริง ทำให้ชื่อเสียงเสื่อมเสียและละเมิดสิทธิ์ของผม"